STOU Read it now! EP.31 ภาษากายไม่เคยโกหก : เทคนิคอ่านจิตอ่านใจที่ FBI ก็ยังใช้อ่านคน

เคยสังเกตกันบ้างมั้ยคะว่า เวลาที่เราพูดคุยกับใครสักคน นอกจากการสื่อสารผ่านคำพูดแล้ว ยังมีการแสดงออกทางลักษณะท่าทางหรือที่เรียกว่าภาษากายด้วย แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าคำพูดกับท่าทางนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันรึเปล่า

คงจะเคยได้ยินกันนะคะว่าคำพูดสามารถโกหกได้ แต่ภาษากายไม่เคยโกหก คำกล่าวนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วทางวิทยาศาสตร์นะคะ ไม่ว่าจะเป็น นักจิตวิทยา นักเจรจา เจ้าหน้าที่สืบสวนของ FBI และ CIA ล้วนใช้ภาษากายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการไขปริศนาทางพฤติกรรม เพียงแค่การแสดงสีหน้าหรืออารมณ์เพียงเสี้ยววินาทีก็ทำให้เรารู้แล้วว่าคนคนนั้นมีพิรุธหรือไม่

แล้วทำไมภาษากายถึงได้มีความสำคัญขนาดนั้น จากงานวิจัยของ Dr. Albert Mehrabian พบว่า การสื่อสารของมนุษย์ประกอบด้วยคำพูดเพียง 7% น้ำเสียง 38% และภาษากายมากถึง 55% นั่นหมายความว่ามากกว่าครึ่งของสิ่งที่เราสื่อสารออกไปไม่ได้มาจากคำพูดเลย

ร่ายกายของเราพูดเร็วกว่าคำพูดจริงหรือ วิทยาศาสตร์อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่าร่างการมีระบบประสาทอัตโนมัติเป็นกลไกหลักที่ควบคุมภาษากายของเราโดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้โดยตรงไม่ว่าจะมีการปกปิดความรู้สึกยังไงก็ตาม

“อย่าเพิ่งไปตัดสินใจใครเพราะภาษากายที่เห็นเพียงอย่างเดียว ให้ดูที่บริบทโดยรวมและสถานการณ์ขณะนั้นด้วย รวมถึงความมีอคติส่วนตัวที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตีความ”

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เรามาลองวิเคราะห์ภาษากายกันเล่นๆ ดูนะคะ

ตัวอย่าง หากคนที่คนคุยด้วยพูดบอกว่า โอเคทำแบบนี้ก็ได้ แต่ในเสี้ยววินาทีมีการเลิกคิ้วเล็กน้อย แสดงว่าคนนั้นกำลังรู้สึกอย่างไรคะ ถ้าคนคนนั้นทำท่าทีแบบนั้นแสดงว่าเขาอาจมีความกังวลหรือความไม่พอใจอยู่นะคะ

หรือในขณะที่เรากำลังอยู่ในห้องประชุมหากคู่สนทนามีการจับหรือขยับมือมากกว่าปรกติ อาจเป็นสัญญาณว่าเขาอาจกำลังรู้สึกกดดันอยู่ก็ได้นะ

ถ้าหากคนนั้นมีการกะพริบตาบ่อยผิดปกติในสถานการณ์ที่กดดันอาจบ่งบอกถึงความวิตกกังวล ไม่สบายใจ หรือมีบางสิ่งที่ไม่อยากพูดถึง นักจิตวิทยาชี้ว่า การที่กะพริบตาบ่อยๆ เป็นการปลดปล่อยความเครียดของร่างกาย แต่ควรมีการดูการเคลื่อนไหวของมือ ท่าทาง หรือเการเปลี่ยนแปลงของน้ำเสียงประกอบกันด้วยนะคะ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์

อีกตัวอย่างคือรอยยิ้ม รอยยิ้มเป็นหนึ่งในท่าทางที่ทรงพลังที่สุด แต่ไม่ใช่ว่ารอยยิ้มทุกแบบจะสื่อถึงความจริงใจ รอยยิ้มที่แท้จริงจะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาหดตัว หรือมีรอยตีนการปรากฎขึ้นนะคะ แต่ถ้าเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้ง ก็มักจะเกิดขึ้นเพียงแค่มุมปากโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่รอบดวงตา

แม้แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เป็นส่วนสำคัญ เช่น การแตะผมอาจแสดงถึงความเขินอายหรือไม่มั่นใจ การสัมผัสใบหน้าช่วยระงับความไม่สบายใจในระดับหนึ่ง การเกาผิวหนังอาจเกิดขึ้นขณะที่มีความเครียดหรือพยายามซ่อนความกังวล เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ภาษากายที่เราสังเกตเห็นอาจไม่ได้มีความหมายอย่างนั้นทั้งหมด เราต้องเปรียบเทียบพฤติกรรมเหล่านี้กับท่าทีปรกติของคนคนนั้น หรือสภาพแวดล้อม ณ ขณะนั้น เช่น การกอดอก เพราะอยู่ในห้องที่มีอากาศหนาวเย็น ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นกำลังปิดกั้นเสมอไป อย่าเพิ่งไปตัดสินใจใครเพราะภาษากายที่เห็นเพียงอย่างเดียวนะคะ ให้ดูบริบทโดยรวมด้วย เช่น สีหน้า น้ำเสียง และสถานการณ์ และระวังความมีอคติส่วนตัวที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการตีความ เช่น ถ้าคุณไม่ชอบใคร คุณอาจมองว่าทุกการกระทำของเขาดูไม่จริงใจนะคะ

หากสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้ ตรวจสอบสถานะ